ยินดีต้อนรับ blogspot Pimporn จร้า

17 ธ.ค. 2554

เรื่องที่ 11 คำศัพท์เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต

 คำศัพท์เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
คำศัพท์ที่สำคัญ ในการศึกษาเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตที่ควรทราบ มีดังนี้
1. Website หมายถึง จำนวนไฟล์หรือจำนวนหน้าทั้งหมดของเว็บไซต์นั้น ๆ

2. WebPages หมายถึง หน้าในแต่ละหน้าหรือไฟล์แต่ละไฟล์ที่ประกอบกันขึ้นรวม ๆ กันกลายเป็นเว็บไซต์

3. HomePage หมายถึง หน้าแรกของเว็บเพจทั้งหมดที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจะพบเมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ หรืออาจจะกล่าวได้ว่าโฮมเพจเปรียบเสมือนสารบัญและคำนำที่เข้าของเว็บไซต์สร้างขึ้น นอกจากนี้โฮมเพจหนึ่ง ๆ อาจจะมีการเชื่อมกับเว็บเพจอื่นๆ อีกจำนวนมากได้

4. Webmaster หมายถึง บุคคลที่ทำหน้าที่วางแผน ดูแล บริหารและจัดการเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์นั้น ๆ บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

5. ISP หมายถึง ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ย่อมาจาก Internet Service Provider

6. IP Address หมายถึง หมายเลขอินเทอร์เน็ตประจำเครื่อง หรือที่อยู่ของเครื่องที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เป็นเลขรหัสที่ต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่ซ้ำกัน หมายเลขจะประกอบด้วยตัวเลขสี่กลุ่มตั้งแต่ 0 ถึง 255 โดยถูกคั่นด้วยเครื่องหมายจุด (.) ตัวอย่างเช่น 203.179.5.2 ซึ่งจำได้ยาก ดังนั้นจึงมีระบบชื่อคอมพิวเตอร์ตามมาตรฐานของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า DNS หรือ Domain Name System ซึ่งจตะสอดคล้องกับหมายเลขไอพี เช่น http://www.udru.ac.th เป็นต้น

7. Node หมายถึง จุดเชื่อมต่อเครือข่ายย่อย เป็นจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่มีอยู่บนเครือข่ายแกนหลักจะมีเส้นทางการเชื่อมต่อกับเครือข่ายแกนหลัก (Backbonen Node) อื่นๆ มากกว่า 1 เส้นทาง เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อในภูมิภาคนั้นๆ ศูนย์กลางระบบ, ศูนย์ประสาน, ศูนย์ภาค สถานนีแยกทั้งหมดนี้เป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับสถานีเครือข่ายแกนหลัก เป็นการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายในลักษณะสถานีเครือข่ายย่อยนี้

8. Network หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องขึ้นไป มาเชื่อมต่อกัน เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน เช่น เครื่องพิมพ์, ฮาร์ดดิสก์ หรือต้องการส่งข้อมูลให้กับบุคคลอื่นในระบบใช้งานและเพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ เครือข่ายท้องถิ่น (LAN) และ เครือข่ายระยะไกล (WAN)

9. Internet หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของทั้งหมด ภายใต้มาตรฐานการรับส่งข้อมูลระหว่างที่กำหนด ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้อย่างอิสระทั่วโลก

16 ธ.ค. 2554

เรื่องที่ 10 ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต

ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
   ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลาย ๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่น ๆ ดังนี้
    ด้านการศึกษา
          -
สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
          -
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
          -
นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น

ด้านธุรกิจและการพาณิชย์
          
- ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
          -
สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
          -
ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน
          -
ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ ( Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี ( Freeware) เป็นต้น

ด้านการบันเทิง
          -
การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป           
         -
สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
         -
สามารถดึงข้อมูล ( Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้

สรุปได้ว่า อินเทอร์เน็ต มีความสำคัญ ในรูปแบบ ดังนี้
  • การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย
  • การติดต่อสื่อสารที่สะดวก และรวดเร็ว
แหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก
         อินเทอร์เน็ต ได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร

เรื่องที่ 9

เรื่องที่ 8 อินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษา

อินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษา



2. ระบบข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต มีลักษณะเหมือนกระดานข่าวที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก ทุกคนสามารถเปิดกระดานข่าวที่ตนเองสนใจหรือสามารถส่งข่าวสารผ่านกลุ่มข่าวบนกระดานนี้เพื่อโต้ตอบข่าวสารกันได้
3. การใช้เพื่อสืบค้นข้อมูลข่าวสารต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตมีแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกัน และติดต่อกับห้องสมุดทั่วโลกทำให้การค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพหมายถึงสามารถค้นหาและได้มาซึ่งข้อมูลโดยใช้เวลาอันสั้นโดยเฉพาะบนอินเตอร์เน็ตจะมีคำหลัก (Index) ไว้ให้สำหรับการสืบค้นที่รวดเร็ว
4. ฐานข้อมูลเครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Wed) เป็นฐานข้อมูลแบบเอกสาร
(Hypertext) และแบบมีรูปภาพ (Hypermedia) จนมาปัจจุบัน ฐานข้อมูลเหล่านี้ได้พัฒนาขึ้นจนเป็นแบบมัลติมีเดีย(Multimedia) ซึ่งมีทั้งข้อความ รูปภาพ วีดิทัศน์ และเสียงผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสืบค้นกันได้จากที่ต่างๆ ทั่วโลก

5. การพูดคุยแบบโต้ตอบหรือคุยเป็นกลุ่ม บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสามารถเชื่อมต่อกันและพูดคุยกันได้ด้วยเวลาจริง ผู้พูดสามารถพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนเครือข่าย
6. การส่งถ่ายข้อมูลระหว่างกันแบบ FTP (Files Transfer Protocol) คือสามารถที่จะโอนย้ายถ่ายเทข้อมูลระหว่างกันเป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยส่งผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตซึ่งทำให้สะดวกต่อการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องเดินทางและข่าวสารถึงผู้รับได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
7. การใช้ทรัพยากรที่ห่างไกลกัน ผู้เรียนอาจเรียนอยู่ที่บ้านและเรียกใช้ข้อมูลที่เป็น
ทรัพยากรการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยได้ และยังสามารถขอใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ใน
ต่างมาวิทยาลัยได้
         

เรื่องที่7 จริยธรรมในการใช้อินเตอร์เน็ต

จริยธรรมในการใช้อินเตอร์เน็ต 


        ๑. ความมีเหตุผล รู้จักไตร่ตรอง ไม่หลงงมงาย มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ใช้อารมณ์ - ไม่เชื่อใครง่าย ๆ เช่น เชื่อเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต ให้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น  

                ๒. ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกลวง การรักษาคำพูดหรือคำมั่นสัญญา - ไม่พูดปด หรือเขียนข้อความที่เป็นเท็จทางอินเตอร์เน็ต - ไม่ให้ร้ายผู้อื่น ทางอินเตอร์เน็ต  
                   ๓. ความเสียสละ การให้ปันแก่ผู้ที่ควรได้รับ ด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา มีจิตใจกว้างขวาง ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน - แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาด้วยความสุภาพในอินเตอร์เน็ต - ช่วยเพิ่มพูนความรู้ใหม่ลงในอินเตอร์เน็ต 
                  ๔. ความสามัคคี ความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การร่วมมือกันทำกิจการให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีความพร้อมเพรียง หรือความปรองดองกัน - รักหมู่คณะ มีใจหวังดี ไม่เขียนข้อความยุยงส่งเสริมให้เกิดความแตกแยก   
                     ๕. ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย อีกทั้งพยายามที่จะปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น - รู้หน้าที่ และกระทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี - เอาใจในการทำงานที่ตนรับผิดชอบ  
              ๖. ความกตัญญูกตเวที การรู้บุญคุณและตอบแทนคุณต่อคนอื่นและสิ่งอื่นที่มีบุญคุณ - รู้จักกล่าวขอบคุณ หรือเขียนอวยพรให้แก่ผู้อื่นในอินเตอร์เน็ต    
                      ๗. ความอดทนอดกลั้น คือ การรู้จักข่มใจในเวลาที่เผชิญกับเหตุการณ์ที่เย้ายวนทุกรูปแบบ อันจะทำให้ไม่เกิดความเสียหายหรือถลำลึกลงไปในความชั่วร้าย หรือความทุจริตทั้งปวง - ไม่เข้าไปในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม - ไม่ทะเลาะกับผู้อื่นในอินเตอร์เน็ต 
              ๘. ความถ่อมตัว การวางตนอย่างเหมาะสม ไม่แสดงตนเหนือผู้อื่น - ไม่เขียนคุยโวโอ้อวดตนเองในอินเตอร์เน็ต







เรื่องที่ 6 มารายาทในการใช้งานอิเทอร์เน็ต

มารายาท  ในการใช้งานอิเทอร์เน็ต

 มารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ต 
กฏข้อที่ 1 เป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในขณะที่เรานั่งพิมพ์ข้อความเพื่อติดต่อสื่อสารผ่านจอคอมพิวเตอร์นั้น ต้องไม่ลืมว่าปลายทางอีกด้านหนึ่งของการสื่อสารนั้นที่จริงแล้วก็คือ มนุษย์                                                  


      กฎข้อที่ 2 เป็นหลักคิดง่าย ๆ ที่อาจจะยึดเป็นแนวปฏิบัติ หากไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ก็ให้ยึดกติกามารยาทที่เราถือปฏิบัติในสังคมมาเป็นบรรทัดฐานของการอยู่ร่วมกันแบบออนไลน์    


กฎข้อที่ 3 เป็นข้อแนะนำให้เราใช้งานอย่างมีสติ รู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ ณ ที่ใด เมื่อเข้าในพื้นที่ใหม่ ควรศึกษาและทำความรู้จักกับชุมชนนั้น ก่อนที่จะเข้าร่วมสนทนาหรือทำกิจกรรมใด ๆ  


                                  
         กฎข้อที่ 4 ให้รู้จักเคารพผู้อื่นด้วยการตระหนักในเรื่องเวลา ซึ่งจะสัมพันธ์กับขนาดช่องสัญญาณของการเข้าถึงเครือข่าย นั่นคือ ให้คำนึงถึงสาระเนื้อหาที่จะส่งออกไป ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มสนทนาหรือการส่งอีเมล เราควรจะ คิดสักนิดก่อน submit” ใช้เวลาตรึกตรองสักหน่อยว่า ข้อความเหล่านั้นเหมาะสมหรือมีสาระประโยชน์กับใครมากน้อยเพียงใด        กฎข้อที่ 5 เป็นข้อแนะนำผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการเขียนและการใช้ภาษา เนื่องจากปัจจุบันวิธีการสื่อสารบนเน็ตใช้การเขียนและข้อความเป็นหลัก การตัดสินว่าคนที่เราติดต่อสื่อสารด้วยเป็นคนแบบใด จะอาศัยสาระเนื้อหารวมทั้งคำที่ใช้ ดังนั้น ถ้าจะให้ ดูดีก็ควรใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมและตรวจสอบคำสะกดให้ถูกต้อง   กฎข้อที่ 6 เป็นข้อแนะนำให้เรารู้จักใช้จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบของอินเทอร์เน็ต นั่นคือ การใช้เครือข่ายเพื่อเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยน ความรู้รวมทั้งประสบการณ์กับผู้คนจำนวนมาก ๆ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของอินเทอร์เน็ตนั่นเอง   กฎข้อที่ 7 เป็นข้อคิดที่ต้องการให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยควบคุมและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งความคิดเห็นด้วยการใช้คำที่หยาบคาย เติมอารมณ์ความรู้สึกอย่างรุนแรงจนเป็นชนวนให้เกิดกรณีทะเลาะวิวาทกันในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรู้จักกันในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตว่า “flame”   กฎข้อที่ 8 เป็นคำเตือนให้เรารู้จักเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น เช่นไม่อ่านอีเมลของผู้อื่น เป็นต้น   กฎข้อที่ 9 เป็นคำเตือนสำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษ เช่น ผู้ดูแลระบบบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งมักจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่น บุคคลเหล่านี้ก็ไม่ควรใช้อำนาจหรือสิทธิ์ที่ได้รับไปในทางที่ไม่ถูกต้องและเป็นการเอาเปรียบผู้อื่น             กฎข้อที่ 10 เป็นคำแนะนำให้เรารู้จักให้อภัยผู้อื่น โดยเฉพาะพวก newbies ในกรณีที่พบว่าเขาทำผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม และหากมีโอกาสแนะนำคนเหล่านั้น ก็ควรจะชี้ข้อผิดพลาดและให้คำแนะนำอย่างสุภาพ โดยอาจส่งข้อความแจ้งถึงผู้นั้นโดยตรงผ่านทางอีเมล 

เรื่องที่ 5 ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร

ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต
                  ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
                  การตัดสินใจทางธุรกิจ
                  สามารถซื้อขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
                  ผู้ใช้ที่เป็นบริษัทหรือองค์กรต่างๆก็สามารถเปิดให้บริการและสนับสนุนลูกค้าของ ตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น
                  บันเทิง
                  การเข้าถึงข้อมูล
                  การสื่อสาร
ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร (ด้านบวก)
                  ความสะดวก รวดเร็ว
                  การแพร่กระจายข้อมูล
                  การเข้าถึงข้อมูล
                  รูปแบบการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลง
                การหลวมรวมสื่อ
                การสื่อสารแบบประสม
                การสื่อสารสองทาง
ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร (ด้านลบ)
                  เทคโนโลยีเป็นตัวกำหนด
                  พฤติกรรมการสื่อสาร
                  ความสัมพันธ์ของบุคคล
                  การใช้ภาษา
                  การแพร่กระจายของข้อมูล
ข้อจำกัดของการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต
                  ความสามารถในการเข้าถึง
                  ความสามารถในการใช้
                  ความเร็วของการใช้อินเทอร์เน็ต
                  การกำกับดูแลตนเอง
                  การกำกับดูแลเนื้อหา
โทษของอินเทอร์เน็ต
1.     โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic) เป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งนักจิตวิทยาชื่อ Kimberly S Young ได้ศึกษาและวิเคราะห์ไว้ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4 ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี แสดงว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต
->  รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต
-> มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้นอยู่เรื่อยๆ ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
 -> รู้สึกหงุดหงิดเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง หรือหยุดใช้ คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
->ใช้อินเทอร์เน็ตในการหลีกเลี่ยงปัญหา หลอกคนในครอบครัว หรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตนเอง
->มีอาการผิดปกติเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เช่น หดหู่ กระวนกระวาย
2. เรื่องอนาจารผิดศีลธรรม
          ปัจจุบัน เรื่องของข้อมูลต่างๆ ที่มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือย รวมทั้งคลิปวีดิโอต่าง ๆ เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอร์เน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็กและเยาวชน ได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้ สามารถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเราไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิด ผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้
3. การแอบอ้างข้อมูล
4. การล่อลวง
5. อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต