ยินดีต้อนรับ blogspot Pimporn จร้า

16 ธ.ค. 2554

เรื่องที่ 9

เรื่องที่ 8 อินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษา

อินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษา



2. ระบบข่าวสารบนอินเตอร์เน็ต มีลักษณะเหมือนกระดานข่าวที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก ทุกคนสามารถเปิดกระดานข่าวที่ตนเองสนใจหรือสามารถส่งข่าวสารผ่านกลุ่มข่าวบนกระดานนี้เพื่อโต้ตอบข่าวสารกันได้
3. การใช้เพื่อสืบค้นข้อมูลข่าวสารต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตมีแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกัน และติดต่อกับห้องสมุดทั่วโลกทำให้การค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพหมายถึงสามารถค้นหาและได้มาซึ่งข้อมูลโดยใช้เวลาอันสั้นโดยเฉพาะบนอินเตอร์เน็ตจะมีคำหลัก (Index) ไว้ให้สำหรับการสืบค้นที่รวดเร็ว
4. ฐานข้อมูลเครือข่ายใยแมงมุม (World Wide Wed) เป็นฐานข้อมูลแบบเอกสาร
(Hypertext) และแบบมีรูปภาพ (Hypermedia) จนมาปัจจุบัน ฐานข้อมูลเหล่านี้ได้พัฒนาขึ้นจนเป็นแบบมัลติมีเดีย(Multimedia) ซึ่งมีทั้งข้อความ รูปภาพ วีดิทัศน์ และเสียงผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสืบค้นกันได้จากที่ต่างๆ ทั่วโลก

5. การพูดคุยแบบโต้ตอบหรือคุยเป็นกลุ่ม บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสามารถเชื่อมต่อกันและพูดคุยกันได้ด้วยเวลาจริง ผู้พูดสามารถพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนเครือข่าย
6. การส่งถ่ายข้อมูลระหว่างกันแบบ FTP (Files Transfer Protocol) คือสามารถที่จะโอนย้ายถ่ายเทข้อมูลระหว่างกันเป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยส่งผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตซึ่งทำให้สะดวกต่อการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องเดินทางและข่าวสารถึงผู้รับได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
7. การใช้ทรัพยากรที่ห่างไกลกัน ผู้เรียนอาจเรียนอยู่ที่บ้านและเรียกใช้ข้อมูลที่เป็น
ทรัพยากรการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยได้ และยังสามารถขอใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ใน
ต่างมาวิทยาลัยได้
         

เรื่องที่7 จริยธรรมในการใช้อินเตอร์เน็ต

จริยธรรมในการใช้อินเตอร์เน็ต 


        ๑. ความมีเหตุผล รู้จักไตร่ตรอง ไม่หลงงมงาย มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ใช้อารมณ์ - ไม่เชื่อใครง่าย ๆ เช่น เชื่อเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต ให้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น  

                ๒. ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกลวง การรักษาคำพูดหรือคำมั่นสัญญา - ไม่พูดปด หรือเขียนข้อความที่เป็นเท็จทางอินเตอร์เน็ต - ไม่ให้ร้ายผู้อื่น ทางอินเตอร์เน็ต  
                   ๓. ความเสียสละ การให้ปันแก่ผู้ที่ควรได้รับ ด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา มีจิตใจกว้างขวาง ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน - แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาด้วยความสุภาพในอินเตอร์เน็ต - ช่วยเพิ่มพูนความรู้ใหม่ลงในอินเตอร์เน็ต 
                  ๔. ความสามัคคี ความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การร่วมมือกันทำกิจการให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีความพร้อมเพรียง หรือความปรองดองกัน - รักหมู่คณะ มีใจหวังดี ไม่เขียนข้อความยุยงส่งเสริมให้เกิดความแตกแยก   
                     ๕. ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย อีกทั้งพยายามที่จะปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น - รู้หน้าที่ และกระทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี - เอาใจในการทำงานที่ตนรับผิดชอบ  
              ๖. ความกตัญญูกตเวที การรู้บุญคุณและตอบแทนคุณต่อคนอื่นและสิ่งอื่นที่มีบุญคุณ - รู้จักกล่าวขอบคุณ หรือเขียนอวยพรให้แก่ผู้อื่นในอินเตอร์เน็ต    
                      ๗. ความอดทนอดกลั้น คือ การรู้จักข่มใจในเวลาที่เผชิญกับเหตุการณ์ที่เย้ายวนทุกรูปแบบ อันจะทำให้ไม่เกิดความเสียหายหรือถลำลึกลงไปในความชั่วร้าย หรือความทุจริตทั้งปวง - ไม่เข้าไปในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม - ไม่ทะเลาะกับผู้อื่นในอินเตอร์เน็ต 
              ๘. ความถ่อมตัว การวางตนอย่างเหมาะสม ไม่แสดงตนเหนือผู้อื่น - ไม่เขียนคุยโวโอ้อวดตนเองในอินเตอร์เน็ต







เรื่องที่ 6 มารายาทในการใช้งานอิเทอร์เน็ต

มารายาท  ในการใช้งานอิเทอร์เน็ต

 มารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ต 
กฏข้อที่ 1 เป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในขณะที่เรานั่งพิมพ์ข้อความเพื่อติดต่อสื่อสารผ่านจอคอมพิวเตอร์นั้น ต้องไม่ลืมว่าปลายทางอีกด้านหนึ่งของการสื่อสารนั้นที่จริงแล้วก็คือ มนุษย์                                                  


      กฎข้อที่ 2 เป็นหลักคิดง่าย ๆ ที่อาจจะยึดเป็นแนวปฏิบัติ หากไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ก็ให้ยึดกติกามารยาทที่เราถือปฏิบัติในสังคมมาเป็นบรรทัดฐานของการอยู่ร่วมกันแบบออนไลน์    


กฎข้อที่ 3 เป็นข้อแนะนำให้เราใช้งานอย่างมีสติ รู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ ณ ที่ใด เมื่อเข้าในพื้นที่ใหม่ ควรศึกษาและทำความรู้จักกับชุมชนนั้น ก่อนที่จะเข้าร่วมสนทนาหรือทำกิจกรรมใด ๆ  


                                  
         กฎข้อที่ 4 ให้รู้จักเคารพผู้อื่นด้วยการตระหนักในเรื่องเวลา ซึ่งจะสัมพันธ์กับขนาดช่องสัญญาณของการเข้าถึงเครือข่าย นั่นคือ ให้คำนึงถึงสาระเนื้อหาที่จะส่งออกไป ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มสนทนาหรือการส่งอีเมล เราควรจะ คิดสักนิดก่อน submit” ใช้เวลาตรึกตรองสักหน่อยว่า ข้อความเหล่านั้นเหมาะสมหรือมีสาระประโยชน์กับใครมากน้อยเพียงใด        กฎข้อที่ 5 เป็นข้อแนะนำผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการเขียนและการใช้ภาษา เนื่องจากปัจจุบันวิธีการสื่อสารบนเน็ตใช้การเขียนและข้อความเป็นหลัก การตัดสินว่าคนที่เราติดต่อสื่อสารด้วยเป็นคนแบบใด จะอาศัยสาระเนื้อหารวมทั้งคำที่ใช้ ดังนั้น ถ้าจะให้ ดูดีก็ควรใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมและตรวจสอบคำสะกดให้ถูกต้อง   กฎข้อที่ 6 เป็นข้อแนะนำให้เรารู้จักใช้จุดแข็งหรือข้อได้เปรียบของอินเทอร์เน็ต นั่นคือ การใช้เครือข่ายเพื่อเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยน ความรู้รวมทั้งประสบการณ์กับผู้คนจำนวนมาก ๆ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของอินเทอร์เน็ตนั่นเอง   กฎข้อที่ 7 เป็นข้อคิดที่ต้องการให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยควบคุมและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งความคิดเห็นด้วยการใช้คำที่หยาบคาย เติมอารมณ์ความรู้สึกอย่างรุนแรงจนเป็นชนวนให้เกิดกรณีทะเลาะวิวาทกันในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรู้จักกันในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตว่า “flame”   กฎข้อที่ 8 เป็นคำเตือนให้เรารู้จักเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น เช่นไม่อ่านอีเมลของผู้อื่น เป็นต้น   กฎข้อที่ 9 เป็นคำเตือนสำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษ เช่น ผู้ดูแลระบบบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งมักจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่น บุคคลเหล่านี้ก็ไม่ควรใช้อำนาจหรือสิทธิ์ที่ได้รับไปในทางที่ไม่ถูกต้องและเป็นการเอาเปรียบผู้อื่น             กฎข้อที่ 10 เป็นคำแนะนำให้เรารู้จักให้อภัยผู้อื่น โดยเฉพาะพวก newbies ในกรณีที่พบว่าเขาทำผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม และหากมีโอกาสแนะนำคนเหล่านั้น ก็ควรจะชี้ข้อผิดพลาดและให้คำแนะนำอย่างสุภาพ โดยอาจส่งข้อความแจ้งถึงผู้นั้นโดยตรงผ่านทางอีเมล 

เรื่องที่ 5 ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร

ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต
                  ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
                  การตัดสินใจทางธุรกิจ
                  สามารถซื้อขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
                  ผู้ใช้ที่เป็นบริษัทหรือองค์กรต่างๆก็สามารถเปิดให้บริการและสนับสนุนลูกค้าของ ตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น
                  บันเทิง
                  การเข้าถึงข้อมูล
                  การสื่อสาร
ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร (ด้านบวก)
                  ความสะดวก รวดเร็ว
                  การแพร่กระจายข้อมูล
                  การเข้าถึงข้อมูล
                  รูปแบบการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลง
                การหลวมรวมสื่อ
                การสื่อสารแบบประสม
                การสื่อสารสองทาง
ผลกระทบอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสาร (ด้านลบ)
                  เทคโนโลยีเป็นตัวกำหนด
                  พฤติกรรมการสื่อสาร
                  ความสัมพันธ์ของบุคคล
                  การใช้ภาษา
                  การแพร่กระจายของข้อมูล
ข้อจำกัดของการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต
                  ความสามารถในการเข้าถึง
                  ความสามารถในการใช้
                  ความเร็วของการใช้อินเทอร์เน็ต
                  การกำกับดูแลตนเอง
                  การกำกับดูแลเนื้อหา
โทษของอินเทอร์เน็ต
1.     โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic) เป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งนักจิตวิทยาชื่อ Kimberly S Young ได้ศึกษาและวิเคราะห์ไว้ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4 ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี แสดงว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต
->  รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต
-> มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้นอยู่เรื่อยๆ ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
 -> รู้สึกหงุดหงิดเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง หรือหยุดใช้ คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
->ใช้อินเทอร์เน็ตในการหลีกเลี่ยงปัญหา หลอกคนในครอบครัว หรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตนเอง
->มีอาการผิดปกติเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เช่น หดหู่ กระวนกระวาย
2. เรื่องอนาจารผิดศีลธรรม
          ปัจจุบัน เรื่องของข้อมูลต่างๆ ที่มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือย รวมทั้งคลิปวีดิโอต่าง ๆ เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอร์เน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็กและเยาวชน ได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้ สามารถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเราไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิด ผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้
3. การแอบอ้างข้อมูล
4. การล่อลวง
5. อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต

เรื่องที่ 4 สร้างเกมส์จิ๊กซอว์ โดยใช้โปรแกรม Flash Jigsaw Producer

เกมส์จิ๊กซอว์ โดยใช้โปรแกรม Flash Jigsaw
 
Flash Jigsaw Producer เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในการสร้างเกมส์ Flash จากภาพเป็นเกมส์จิ๊กซอว์ โดยสามารถนำไปทำเป็นเกมส์ Online สำหรับการเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ ได้ โดยการนำภาพ BMP, GIF หรือ JPG มาใช้ในการสร้าง

1. เมื่อลงโปรแกรม Flash Jigsaw Producer เรียบร้อยแล้วให้ทำการเปิดโปรแกรมขึ้นมา ดังรูป


2. ไปที่เมนู Options เลือก Fiash Sizes..


3. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Fiash Sizes ขึ้นมา เพื่อทำการตั้งค่า

4. ทำการปรับขนาดตามต้องการ
Fiash Sizes = ขนาดของจิ๊กซอว์ ที่ต้องการให้แสดง
Width = 800      Height = 600
Picture Sizes = ขนาดของรูปภาพที่ต้องการให้แสดง
Width = 640      Height = 480
Keep Proportions = การแสดงภาพจิ๊กซอว์ ว่าต้องการขยายขนาดตามที่ ตั้งไว้หรือไม่
ถ้าต้องการให้คลิกที่ช่องสี่เหลี่ยมเป็น หรือถ้าต้องการขนาดเท่าเดิมตามรูปที่นำมาสร้างจิ๊กซอว์ให่เลือกเป็น

5. เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ปุ่ม เพื่อยืนยันการตั้งค่า


6. ไปที่เมนู Options เลือก Varistions...


7. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Varistions ขึ้นมา เพื่อทำการปรับแต่งรูปแบบของชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ ว่าต้องการลักษณะใด

8. ทำการปรับค่าที่ Node และ Boss เพื่อปรับแต่งรูปแบบของชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ ตามต้องการ

9. เมื่อปรับแต่งเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ปุ่ม เพื่อยืนยัน


10. ไปที่เมนู Options เลือก Background Color... เพื่อปรับค่าสีของพื้นหลัง


11. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Select Colos Range ขึ้นมา เพื่อทำการปรับค่าสีของพื้นหลัง

12. ทำการปรับค่าสีพื้นหลังตามต้องการ

13. เมื่อปรับแต่งเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ปุ่ม เพื่อตกลง


14. เลือกคลิกที่เมนู Final effects... เพื่อเลือก effects ในส่วนของการตอบโต้แสดงความยินดีหลังจากต่อจิ๊กซอว์เสร็จ


15. ทำการเลือก effects ตามความพอใจ ในที่นี้มีหลายแบบด้วยกัน


16. เมื่อเลือก effects เรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ปุ่ม เพื่อยืนยันการเลือก


17. เลือกคลิกที่เมนู Linhs... เพื่อใส่ลิงก์ไปยังเว็บต่าง ๆ


18. ทำการใส่ชื่อเว็บไซต์ที่ต้องการลิงก์ไปตามต้องการ หากไม่ต้องการใส่ให้ทำการลบออกจากช่อง Traget

19. จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม เพื่อยืนยัน


20. เลือกคลิกที่เมนู Output เพื่อตั้งค่าการจัดเก็บไฟล์ที่สร้างขึ้น


21. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Output files ขึ้นมา เพื่อตั้งค่าการจัดเก็บ
22. ทำการตั้งค่าตามต้องการ
Target directory = เป็นการอ้างอิงแหล่งจัดเก็บข้อมูลที่นำไฟล์ที่สร้างขึ้นไปเก็บไว้
Final effect name (swf) = ชื่อของจิ๊กซอว์ที่สร้างขึ้นเป็นไฟล์ Flash *.swf (ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้)
Modul name (html,swf) = ชื่อของเว็บไซต์ที่โปรแกรมสร้างขึ้นให้ เป็นไฟล์ *.html (ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้)

23. จากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม เพื่อยืนยัน


24. ทำการเลือกรูปภาพจากแหล่งข้อมูลในคอมพิวเตอร์


25. ภาพที่ทำการเลือกจะแสดงดังรูป จากนั้นให้ทำการเลือกจำนวนชิ้นของจิ๊กซอว์ในแต่ละภาพว่าให้มีจำนวนกี่ชิ้น โดยการคลิกที่ปุ่ม และเลื่อน เพื่อตั้งตัวเลข

26. เลือกในส่วน Remote Control เมื่อต้องการเครื่องมือช่วยหมุนจิ๊กซอว์ที่มีลักษณะเป็น Remote Control หรือถ้าไม่ต้องการก็เลือกที่ Help in Page

27. ตั้ง Enable Rotation ว่าต้องการให้จัดวางจิ๊กซอว์ก่อนที่จะต่อ แบบยากหรือง่าย ถ้าต้องการแบบง่ายให้คลิกเครื่องหมาถูกออก


28. โปรแกรมจะแสดงหน้าต่าง Finished! ขึ้นมา เพื่อถามว่าต้องการให้แสดงจิ๊กซอว์ที่สร้างขึ้นตอนนี้ หรือไม่ ถ้าต้องการให้เลือก "Yes" ถ้ายังไม่ต้องการให้เลือก "No"


29. จะได้จิ๊กซอว์ที่สร้างขึ้น ตัวอย่างดังรูป

เรื่องที่ 3 ตกแต่งภาพด้วยโปรแกรม Adob illustrator